วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

รถที่ไวกว่าเสียง !!


บัจจุบันที่เทคโนโลยีเรื่องยานยนต์นั้นก้าวไปไกลมาก  มากถึงขั้นที่มีรถที่ไวกว่าเสียงเเล้วด้วย
ถ้าพูดถึงในเรื่อง ราคารถ เเล้ว  คงเเทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดาที่จะจับจองเป็นเจ้าของ
วันนี้ผมเอารายละเอียดน่าสนใจๆเกี่ยวกับเจ้ารถชนิดนี้มาฝากกันครับ



วิศวกร อังกฤษร่วมพัฒนา "บลัดอาวน์ด" รถความเร็วเหนือเสียง หวังทำลายสถิติรถเร็วที่สุดในโลกในอีก 2 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าพัฒนารถมีความเร็วยิ่งกว่ากระสุน ด้วยความเร็วสูง 1,610 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
 ทีมวิศวกรอังกฤษได้ออกแบบรถความเร็วเหนือเสียง (Super Sonic Car: SSC) หรือรถซูเปอร์โซนิก "บลัดอาวน์ด เอสเอสซี" (Bloodhound SSC) ที่คาดว่า จะมีความเร็วถึง 1,610 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะทำลายสถิติความเร็วของ "ทรัสต์ เอสเอสซี" (Thrust SSC) รถยนต์พลังงานเจ็ต ที่เคยทำสถิติไว้เมื่อปี 2540 ด้วยความเร็ว 1,228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ได้ทดลองในทะเลทรายแบลคร็อค รัฐเนวาดา สหรัฐฯ
     
       สำหรับรถซูเปอร์โซนิกที่ออกแบบใหม่นี้บีบีซีนิวส์ระบุว่า ยานยนต์จะติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ท "ไต้ฝุ่น-ยูโรไฟทเตอร์" (Typhoon-Eurofighter) ซึ่งคาดว่าจะทำให้รถวิ่งได้เร็วกว่ากระสุน และมีความเร็วเหนือเสียงที่ 1.4 มัค โดยตัวรถยนต์ถูกออกแบบให้มีความยาว 12.8 เมตรและหนักถึง 6.4 ตัน
     
       ทีมพัฒนาจากมหาวิทยาลัยเวสต์อิงแลนด์ (University of the West of England) สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นฐานในการสร้างแบบเท่าของจริง และมหาวิทยาลัยสวันซี (Swansea University) สหราชอาณาจักร ซึ่งให้การสนับสนุนหลักและเป็นฐานช่วยวิจัยทางด้านอากาศพลศาสตร์ (aerodynamics) ได้ใช้เวลาถึง 18 เดือน เพื่อร่วมออกแบบรถยนต์ซูเปอร์โซนิกนี้ และตั้งเป้าจะสร้างสถิติความเร็วของรถยนต์ใหม่ในปี 2555
     
       ล้อรถเส้นผ่านศูนย์กลาง 900 มิลลิเมตร จะหมุนด้วยความเร็วสูง จึงต้องใช้วัสดุไททาเนียมคุณภาพดีเยี่ยมเพื่อป้องกันล้อหลุดเมื่อรถวิ่ง โดยรถยนต์บลัดอาวน์ดนี้จะเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 1,690 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 40 วินาที และที่ความเร็วสูงสุดจะเกิดความกดอากาศบนตัวรถที่ผลิตจากเส้นใยคาร์บอนและไท ทาเนียม 12 ตันต่อตารางเมตร
     
       "นับเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทางวิศวกรรม เรายังไม่เห็นอะไรที่เราจะพิชิตไม่ได้ ทั้งโอกาสและเวลา เราไม่ได้มีคำตอบทั้งหมด แต่เราก็มีบางคำตอบบ้างแล้ว และผมมั่นใจว่าแนวทางแก้ปัญหาอื่นๆ จะเผยตัวเองออกมาแน่" ความเห็นของจอห์น ไปเปอร์ (John Piper) หัวหน้าทีมเทคนิคในการพัฒนารถบลัดอาวน์ด
     
       ด้าน แอนดี กรีน (Andy Green) ซึ่งเคยนำทรัสต์ เอสเอสซีสร้างสถิติโลกเมื่อสิบกว่าปีก่อนและจะเป็นผู้ขับบลัดอาวน์ดนี้ ยอมรับถึงความเสี่ยงที่มี แต่ก็ระบุว่ารถยนต์คันนี้จะได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับเขา
     
       "นั่นจะทำให้ความเสี่ยงเป็นศูนย์หรือเปล่าน่ะรึ? แล้วชีวิตที่ไม่มีความเสียงเลยน่ะ น่าสนใจหรือ? ไม่เลย มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง เพราะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ และเป็นสิ่งมีค่ายิ่งในท้ายที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่การบันทึกการเป็นที่สุด แต่เพื่อจุดประกายให้วิศวกรรุ่นถัดไป เพื่อร่วมแบ่งปันให้กับเด็กนักเรียนทุกคนในประเทศนี้ (อังกฤษ)" กรีนกล่าว

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ความเป็นมารถ F1 !!

ถ้าหากพูดถึง รถแข่ง  คงไม่มีใครที่ไม่ร้จักรถ F1 หรือ Formula 1 รถยนต์เจ้าแห่งความเร็วของรถ
ทั้งหลายวันนี้ผมมีประวัติความเป็นมาของเจ้ารถชนิดนี้มาให้อ่านกันครับ



ย้อนกลับไปในปี 1990 ที่มีการรวมตัวของวิศวกรเพื่อร่วมกันสร้างซุปเปอร์คาร์ที่ล้ำสมัยมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาในขณะนั้นที่ทำให้เป็นจุดกำเนิดของรถสปอร์ท 3 ที่นั่ง ประตูปีกนกซึ่งมีมิติความยาว 4.2 เมตร กว้าง 1.8 เมตรและสูง 1.1 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 NA จาก BMW ที่ให้กำลัง 600 แรงม้า นั่นก็คือ McLaren F1 อย่างไรก็ตามแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานาน McLaren F1 ก็ยังคงเป็นรถผลิตเชิงพาณิชย์เครื่องยนต์ Naturally Aspirated (NA) ที่เร็วที่สุดในโลกในปัจจุบัน

นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของ ก็คือ การออกแบบตำแหน่งที่นั่งคนขับให้อยู่บริเวณกึ่งกลางของรถ โดยมีที่นั่งพิเศษอีก 2 จุดอยู่ด้านหลัง McLaren ยังเป็นทีมรถแข่ง F1 ทีมแรกที่มีการใช้โครงสร้างตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งถูกคิดค้นใน ปี 1981 และผลงานอีกอย่างหนึ่งที่เกิดจากประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ได้สะท้อน ออกมาในรูปของโครงสร้างตัวถังแบบชิ้นเดียวที่ทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนัก เบาซึ่งได้ถูกนำไปใช้กับ McLaren F1 ซึ่งทำให้รถมีน้ำหนักเบาลงมาก แถมยังใช้ประตู 2 ข้างที่มีน้ำหนักในแต่ละข้างเพียง 7 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกว่าเบาทั้งในและนอก