วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เหล้าหรือสุรามาจากไหน



สุรา (liquor หรือ spirit) หมายถึง น้ำเมาที่ได้จากการกลั่นสารบางประเภท อาทิ เอทิลแอลกอฮอล์ และเมรัย คือ นํ้าเมาที่เกิดจากการหมักหรือแช่ให้เกิดสารบางประเภท เมื่อดื่มแล้วสารนั้นจะออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วน กลาง หากดื่มไม่มากอาจรู้สึกผ่อนคลายเนื่องจากสารกดจิตใต้สำนึกที่คอยควบคุมตนเอง ทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น แต่เมื่อดื่มมากขึ้นก็จะกดสมองบริเวณอื่นๆ ทำให้เสียการทรงตัว พูดไม่ชัด จนแม้กระทั่งหมดสติในที่สุด คู่กับ "เมรัย" อันเป็นเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์อย่างเดียวกัน แต่ผลิตจากการหมักหรือแช่ให้เกิดสารบางประเภท ทั้งสุราและเมรัยเรียกโดยภาษาปากว่า "เหล้า"

ประเทศต่างๆ ได้วางกฎเกณฑ์สำหรับการผลิต การขาย และการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ตัวอย่างเช่น กฎหมายที่กำหนดอายุขั้นต่ำสำหรับผู้ที่สามารถบริโภคได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 16 ปีสำหรับประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส ออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์, ไม่ต่ำกว่า 18 ปีในประเทศไทย หรือไม่ต่ำกว่า 21 ปีในสหรัฐอเมริกา

การบริโภคทั้งสุราและเมรัยเป็นข้อห้ามในข้อสุราเมรยมัชปมาทัฏฐาน หรือข้อที่ 5 แห่งเบญจศีลของพุทธศาสนา ซึ่งว่า "สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ" แปลได้ว่า "เราจักถือศีลโดยเว้นจากการบริโภคสุรายาเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท"

หลักฐานบ่งบอกว่าสุรามีมาแต่สมัยกลาง (ระยะเวลาจากคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงปลายศตวรรษที่ 14) โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งในซาเลอร์ อิตาลี นำเหล้าองุ่นมาต้มให้เดือดให้ไอผ่านท่อที่ทำให้เย็น ไอจะควบแน่นกลายเป็นหยดแอลกอฮอล์ใช้ผสมยา ตั้งชื่อหยดน้ำนั้นว่า "อควาไวเต้" (Aqua-vitae) หรือ "น้ำแห่งชีวิต" ด้านจีนและอินเดีย มีหลักฐานยืนยันว่าฮ่องเต้ทุกพระองค์เสวยน้ำจัณฑ์ เช่นกันกับพระจักรพรรดิแห่งอินเดียนับแต่ก่อนพุทธกาล

เหล้ากลั่นมีชื่อเรียกต่างๆ ออกไปตามวัตถุดิบ และกรรมวิธีการผลิต
1. ตากีลา-Tequila จากกระบองเพชร Agave แห่งเมือง Tequila เม็กซิโก
2. จิน-Gin จากข้าวผสม juniper ผลไม้ตระกูลเบอรี่
3. รัม-Rum จากน้ำอ้อยหมัก
4. วอดก้า-Vodka
5. วิสกี้-Whisky/Whiskey จากข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด ข้าวไรน์ กลั่นแล้วบ่มในถังไม้โอ๊ก มี Scotch Whisky จากสกอตแลนด์ Rye Whisky จากแคนาดา Irish Whiskey จากไอร์แลนด์ Bourbon Whiskey จากอเมริกา 6. บรั่นดี-Brandy หมักองุ่น กลั่นแล้วบ่ม
7. คอนญัก-Cognac ราชาแห่งบรั่นดี

มนุษย์ค้นพบน้ำเมาจากผลของการหมัก ย้อนไปได้ถึงสมัยบาบิโลนและอียิปต์ที่พบว่าถ้าเอาผลองุ่นมาบีบให้แตกแล้ว หมักกับข้าวที่ทำให้ชื้นจะได้น้ำที่มีฟองเล็กน้อย ดื่มแล้วรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ ส่วนในแง่วิทยาศาสตร์ หลุยส์ ปาสเตอร์ พบเชื้อราชนิดที่เรียกว่ายีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิต และใช้น้ำตาลที่ได้จากการย่อยแป้งเป็นอาหาร แล้วถ่ายเอาของเสียออกมา ซึ่งก็คือแอลกอฮอล์และคาร์บอนไดออกไซด์





ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย และ atcloud.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น