วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สุขและทุกข์ในงาน มาจากไหน

ดิฉันสนใจเรื่องการทำงานอย่างมีความสุข เพราะเห็นว่าความสุขและความรู้สึกดีๆ นั้น ทำให้คนมีกำลังใจ มีแรงใจ ซึ่งจะส่งผลให้มีกำลังกายมีแรงกายด้วย เมื่อแรงใจแรงกายดี เราจะสามารถใช้กายและใจนี้สร้างสรรค์สิ่งดีงามที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว องค์กร ประเทศชาติ และสังคมโลกได้อย่างเต็มที่ได้ เราใช้เวลาในที่ทำงานเกือบทั้งวัน ถ้าเราทำงานแล้วมีความสุข ความสุขนั้นมีแนวโน้มว่าจะติดตัวเราไปถึงคนที่บ้านและคนนอกที่ทำงานด้วย



ตอนเด็กๆ บางครั้งเราเคยคิดว่าคนทำงานเพราะเงินอย่างเดียว แต่เมื่อโตขึ้นและได้ทำงานจริงๆ สิ่งต่างๆ และประสบการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต ทำให้เราได้รับความรู้สึกใหม่ๆ ที่ทำให้ความคิดสมัยเด็กๆ เริ่มเปลี่ยนไป คนที่ทำงานมานานแล้วมักจะบอกคนรุ่นหลังว่า เขาทำงานเพราะเขามีความสุขที่ได้ทำ คนที่ยังไม่ได้ทำงานหรือเด็กไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก เพราะในความเห็นของเด็กนั้น การเล่นไปวันๆ โดยไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นเป็นเรื่องที่สุขมาก แต่เมื่อมาดูคนทำงานแล้วดูเหมือนต้องทำโน่นทำนี่ตลอดวัน แทบไม่ได้มีโอกาสเล่นเท่าใดนัก แล้วจะมีความสุขได้อย่างไรกัน

อะไรที่ทำให้คนมีสุขหรือทุกข์ในการทำงาน

ในห้องสัมมนาด้านการคิดสร้างสรรค์ทางบวกของบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ก้าวหน้าแห่งหนึ่ง ดิฉันขอให้ผู้เข้าสัมมนาเขียนว่าอะไรที่ทำให้เขามีความสุขในการทำงาน และอะไรที่ทำให้เขามีความทุกข์ในการทำงาน โดยให้เขาเขียนเป็นข้อๆ ลงในกระดาษเปล่า

พออ่านมาถึงตรงนี้อาจมีบางท่านเห็นว่าคำตอบมีชัดเจนอยู่แล้ว จะมาถามอีกทำไมให้เสียเวลา เพราะคนจะสุขในงานก็เพราะได้เงินเยอะ และทุกข์ในงานเพราะได้เงินน้อย แต่คนทำงานที่เขียนเล่าให้ฟังนั้นเขาบอกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งอ่านแล้วเราจะเข้าใจเลยว่า บางอย่างทำให้สุขได้มากกว่าได้เงินเยอะ และบางอย่างทำให้ทุกข์หนักว่าได้เงินน้อยเสียอีก

จากการสำรวจพบว่าคนทำงานรู้สึกมีความสุขจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้

1. สุขจากการที่ตนเองทำงานได้สำเร็จราบรื่น เช่น ทำงานได้สำเร็จลุล่วง ทำงานที่ยากและท้าทายได้สำเร็จด้วยดี วางแผนแล้วได้ทำตามแผน แบ่งงานได้เหมาะสมกับงานที่รับ นำเสนองานเสร็จ เพื่อนร่วมงานช่วยกันทำงานเสร็จ ได้รับความร่วมมือจากคนรอบข้าง ทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ งานเสร็จตามเป้าหมายและเวลา ส่งมอบงานให้ลูกค้าสำเร็จสามารถปิดโครงการได้

2. สุขจากการคิดแก้ปัญหาได้ เช่น สามารถแก้ปัญหาได้ เวลามีปัญหาแล้วแก้สถานการณ์ตรงนั้นได้ เวลาลูกค้าเจอปัญหา หรือต้องการคำแนะนำ สามารถช่วยลูกค้าให้ผ่านเรื่องดังกล่าวได้ ให้คำปรึกษาแก่เพื่อนร่วมงานได้

3. สุขจากความภูมิใจที่ได้สร้างประโยชน์ให้คนอื่น เช่น ได้สร้างสรรค์งานใหม่ สร้างประโยชน์ที่แท้จริงโดยใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่ เห็นคนได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เราทำในระยะยาว คนรอบข้างมีความรู้เพิ่มขึ้นโดยเรา ตอบคำถามลูกค้าได้ ได้ช่วยเหลือลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน เห็นลูกค้าและทีมงานได้ประโยชน์จากงานที่เราทำ เห็นลูกค้าสนุกและมีความสุขในงานของเขา เห็นทีมงานมีความสนุกกับงานที่กำลังทำ ช่วยเหลือครอบครัวและคนอื่นได้

4. สุขจากการที่ได้พัฒนาตนเอง เช่น มีโอกาสได้พัฒนาตนเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แล้วทำให้ ได้เจออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ แล้วท้าทายดี ได้เจอเรื่องใหม่ คนใหม่ มีความรู้ความสามารถที่ดีเพียงพอต่อการทำงาน

5. สุขจากการมีสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เช่น สามารถเข้ากับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพื่อนร่วมงานน่ารักสนุกสนาน ทำงานเป็นทีม ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข ได้ความเป็นมิตรจากทุกคน ได้กำลังใจจากคนรอบข้าง ได้รับคำชมเชยและขอบคุณจากคนรอบข้าง ได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ในปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไม่กั๊ก เพื่อนมาช่วยแก้ปัญหาให้กับเรา ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ได้เฮฮาสนุกสนาน เพื่อนร่วมงานเข้าใจซึ่งกันและกัน ลูกค้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา หัวหน้ามีความเข้าใจลูกน้อง ได้รับการยอมรับจากลูกค้า ได้รับความชื่นชมจากลูกค้า มีลูกค้าเข้ามาต่อเนื่อง สามารถบาลานซ์ชีวิตและงานได้ มีเวลาสำหรับตัวเอง บ้าน ครอบครัว และงานอย่างสมดุล สิ่งแวดล้อมเหมาะแก่การทำงาน

ขณะที่ทุกข์ในที่ทำงานมาจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้

1. ทุกข์จากการคิดแก้ปัญหาไม่ได้ เช่น เกิดปัญหาในที่ทำงาน เช่น คิดไม่ออก ทำไม่ทัน รู้สึกว่าทำไม่ได้ตามที่ได้รับมอบหมาย ทุกข์ตอนที่ลูกค้าต้องการอะไร แล้วหาวิธีไม่ได้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ใช้เวลานาน เวลาลูกค้ามีปัญหาแล้วหาทางออกได้ช้ากว่าที่เราคาดหวัง แก้ปัญหาให้คนในทีมงานไม่ได้ บางครั้งทำงานแล้วมีปัญหากันในทีมแล้วไม่สามารถเคลียร์กันได้ ทำงานไม่ค่อยทันไม่มีใครสนับสนุนช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา พอแก้ปัญหาไม่ได้แล้วไม่รู้จะปรึกษาใคร งานเสร็จแล้วแต่ต้องกลับมาแก้ไข

2. ทุกข์จากความไม่ราบรื่นในการทำงาน เช่น ทำได้ตามที่ต้องการแล้วอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยน ทำเท่าไรก็ไม่เคยพอใจกับงานที่เขาต้องการ เจอคนไม่มีเหตุผล เพื่อนร่วมงานและหัวหน้าไม่เข้าใจเรา และเราก็ไม่สามารถอธิบายให้ได้ เพราะเขาไม่รับฟังเรา โดนลูกค้าต่อว่า ลูกค้าไม่รับฟังในสิ่งที่พูด ถูกเร่งงานทุกอย่างให้ได้เร็วทันใจ ทั้งๆ ที่มีงานล้นมือแล้ว ไม่ชัดเจนว่าลูกค้าจะเอาอะไร มีตั้งหลายวิธีแต่ลูกค้าไม่พอใจ

3. ทุกข์จากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับคนรอบข้าง เช่น มีปัญหาภายในทีม คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่คุยกัน เพื่อนร่วมงานคิดไม่ดีต่อกัน ไม่สามารถไว้วางใจเพื่อนร่วมงาน คนรอบข้างทำงานร่วมกับเราแล้วไม่ได้ดังใจ คนใกล้ชิดเราไม่เข้าใจการทำงานของเรา

4. ทุกข์จากงานและอื่นๆ เช่น การทำงานไปวันๆ งานไม่ท้าทาย งานผิดพลาด สุขภาพไม่แข็งแรง อึดอัด สุขภาพเสื่อมโทรม สภาพแวดล้อมไม่ดี อุณหภูมิในห้องไม่เหมาะสม

คนทำงานต่างอาชีพกันมีรายละเอียดในงานต่างกัน แต่ในประเด็นของความสุขและความทุกข์ในงานนั้นมีแก่นหลักๆ อยู่ไม่ต่างกันเท่าใดนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น